วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อบรมที่ลีลา ของการเคหะแห่งชาติ

รายงาน
สรุป การเข้ารับการอบรมโครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอ
ด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย


เสนอ
อาจารย์ อับดุลสูโก ดินอะ
(ประจำวิชาความจริงของชีวิต)


จัดทำโดย
นาย นูรุดดีน สาเร๊ะ
สาขา พัฒนาชุมชน


รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
ความจริงของชีวิต










1.
เนื่องจากเมื่อวันที่13 ธันวาคม พ.ศ. 2552 กระผมได้มีโอกาสได้ไปประชุมสัมมนาซึ่งจัดโดยการเคหะแห่งชาติร่วมกับบริษัทประพันธ์มงคล จำกัด ที่ลีลารีสอร์ท นับเป็นโอกาสอันดีที่กระผมจะได้เสริมสร้างความรู้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาซึ่งสอดคล้องกับสาขาวิชาที่กระผมกำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ซึ่งมีชื่อของโครงการว่า “โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย กรณีศึกษาอำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพาและอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา”
สำหรับเนื้อหาการอบรมสามารถที่จะสรุปได้อย่างคร่าวๆดังนี้คือ:-
อันเนื่องมาจากปฏิญญาสากลที่ว่า “ที่อยู่อาศัยอย่างพอเพียงสำหรับทุกคน”ก็เลยมีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อศึกษาและวิจัยสำหรับการจัดทำข้อเสนอด้านยุทธศาสตร์ต่อไปเริ่มด้วย:-
1. สถานการณ์ตัวปัญหา
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ประชาชนมีปัญหาความเดือดร้อน อันเนื่องมาจากที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง ต่ำกว่าเกณฑ์ความจำเป็นขั้นมาตรฐาน ทั้งที่เป็นบ้านที่ก่อสร้างด้วยวัสดุที่ไม่มั่นคง สภาพทรุดโทรม ไม่ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซม และครอบครัวขยายที่มีความจำเป็นที่ต้องก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกัน ชุมชนในพื้นที่จำนวนมากที่มีปัญหาที่ดินทำกินเนื่องจากสาเหตุต่างๆเช่นผู้ที่อยุ่อาศัยทำกินริมฝั่งทะเล ในที่ดินราชพัสดุ ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีมลพิษทางอากาศในระดับสูง ปัญหาการบุกรุกป่าสงวน เป็นต้น ทำให้ไม่มีความมั่นคงในที่ดินทำกินและอยู่อาศัย
2. แนวโน้มการพัฒนาในพื้นที่
- มีการรับรองสถานภาพองค์กรชุมชนและการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน การจัดการทรัพยากรโดยองค์กรชุมชน สื่อ/วิทยุชุมชน การพัฒนาชุมชนประมงพื้นบ้าน การแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในชนบท การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนและการเยียวยาครอบครัวที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
- มีการยกระดับและโอกาสทางการศึกษาแก่คนในพื้นที่
- มีการส่งเสริมด้านสุขภาพแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
- มีการจัดทำและปฏิรูปที่ดินสำหรับที่ทำกิน
- มีการส่งเสริมด้านอาชีพให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
3. มีการสำรวจจุดอ่อนและจุดแข็งของพื้นที่
- ซึ่งในบางพื้นที่จะไม่เหมือนกันยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ที่อยู่แถบชายทะเลจะมีมีอาชีพและการดำรงชีวิตไม่เหมือนกับประชากรที่อยู่ในแถบที่ราบและที่ราบเชิงเขา
- ในด้านโอกาสทางการศึกษาประชากรที่อยู่ในเมืองก็จะแตกต่างกับประชากรที่อยู่ในชนบท
- เช่นเดียวกันกับที่อยู่อาศัยซึ่งประชากรในแต่ที่จะมีมาตรฐานของที่อยู่อาศัยไม่เหมือนกัน

2.
สรุปในหัวข้อนี้คือการหาข้อด้วยและข้อดีในแต่ละที่เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมในข้อดีและปรับปรุงในข้อด้อยนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือบทสรุปของการเข้าอบรมในช่วงเช้าของวันนั้นส่วนภาคบ่ายก็มีการสัมมนากันในหัวข้อ พ.ร.บ ความมั่นคงซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้คือ:-
1. มีกฎหมายอยู่อย่างน้อย 3 มาตราที่วนเวียนบังคับใช้ในแต่ละที่และในแต่ละสถานการณ์ซึ่งบางครั้งมันอาจจะไม่เหมือนกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาด้วยคือ:-
- กฎอัยการศึก
- พ.ร.บ ความมั่นคง มาตราที่ 15
- พ.ร.ก ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งปัจจุบันที่ใช้อยู่คือฉบับที่ 17
เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง 3 มาตราของกฎหมายไม่เป็นที่เปิดเผยแก่ประชาชนเลยตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ทั้งๆสิทธิพื้นฐานของประชาชนคือต้องรู้กฎหมายจะมาอ้างว่าไม่รู้กฎหมายตอนที่ถูกจับมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องในมุมมองของกฎหมาย
2. อำนาจของข้าราชการฝ่ายปฏิบัติการตาม พ.ร.บ ความมั่นคงคือ:-
- อำนาจในการปราบปรามผู้กระทำผิดในพื้นที่
- ห้ามการใช้อุปกรณ์ ELECTRONIC
- ห้ามออกนอกเคหะสถาน
- ห้ามการใช้เส้นทาง
3. มีการใช้กฎหมายมาตราที่ 21 คือบังคับใช้ในเขตพื้นที่ที่รัฐบาลให้ กอรมน ประเมินว่าจะเกิดเหตุการณ์ไปอีกนาน สำหรับเนื้อหาบางส่วนของมาตราที่ 21 คือ:-
- ให้เปิดโอกาสแก่ผู้หลงผิดในการกลับตัวกลับใจมีประโยชน์ต่อความมั่นคง
- ผู้อำนวยการ กอรมน ต้องเห็นชอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการส่งสำนวนแก่ศาลเพื่อส่งตัวผู้หลงผิดเข้ารับการอบรมปรับเปลื่ยนพฤติกรรมรวมทั้งให้ความด้านการประกอบอาชีพ
- ต้องมีความยินยอมจากผู้ต้องหาด้วยในการเข้ารับการอบรม
สรุปคือ มาตราที่ 21 ก็คือการเข้ารับการอบรมฝึกอาชีพอย่างน้อย 6 เดือนแต่....
ในทางปฏิบัติและการใช้กฎหมายมันจะได้ผลหรือจะส่งผลเสียแก่ประชาชนตาดำๆมากน้อยแค่ไหนอันนี้ต่างหากละที่...น่าติดตาม เพราะในกระบวนการฟ้องมันมีช่องว่างน้อยเหลือเกินสำหรับประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น